Recent Post

หากฉัน


มิเนเจอร์พินช์เชอร์ (Miniature Pinscher)

มิเนเจอร์พินช์เชอร์ (Miniature Pinscher)ตัวเล็ก หยิ่ง และซุกซน 

ลักษณะทั่วไป
     มิเนเจอร์พินช์เชอร์ สุนัขขนสั้นเรียบ คล่องแคล่ว สัดส่วนกลมกลืนกันทุกส่วนดูแข็งแรง ร่าเริง มีความระวาดระวังตลอดเวลาว่องไว มีความจงรักภักดี ปกติจะมีนิสัยไม่ค่อยขี้กลัวหรือตกใจ เชื่อฟังคำสั่ง สามารถนำมาฝึกได้ง่าย มีความกล้าหาญอดทนและทนต่อโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ดี เหมาะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนหรือเฝ้าบ้าน

ความเป็นมา
      มิน พิ๊น (เป็นชื่อเล่นที่บอกถึงความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้) มีถิ่นกำเนิดในประเทศเยอรมันและพบหลักฐานตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 18 แต่รู้จักอย่างเป็นทางการในปี 1895 เนื่องจากมีการก่อตั้งชมรมผู้เลี้ย เยอรมัน พินเชอร์ มีหลักฐานชิ้นหนึ่งบอกว่าพบสุนัขพันธุ์นี้ในป่าเยอรมันตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 โดยรียกกันว่า เรด พินเชอร์ หมายถึง "กวางแดงเล็ก". ซึ่งเป็นต้นกำเนิดสุนัขที่ เพาะพันธุ์มาเพื่อการกำจัดหนู

ลักษณะนิสัย
     มิเนเจอร์พินช์เชอร์ เป็นสุนัขตัวเล็กๆ ที่หยิ่ง และองอาจเช่นเดียวกับสุนัข เทอร์เรีย์พันธุ์อื่นไม่มีความเป็นสุนัขกลุ่มทอย อยู่เลยเขาเป็นเพื่อนที่ภักดีและฉลาด ปราศจากความกลัว ตื่นตัวอยู่ตลอดเหมาะที่จะเป็นสุนัขเฝ้ายามอย่างมาก

การดูแล
     มิเนเจอร์พินช์เชอร์เป็นสุนัขที่มีขนสั้นแข็ง ทำให้ไม่ต้องดูแลมากนักเพียงใช้มือลูบ หรือใช้แปรงเล็กๆ สางเอาขนที่หมดอายุออกบ้าง ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำให้บ่อยเกินไป เพราะจะไปลดความชุ่มชื้นของผิวหนังได้ เพียงเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น ที่หยดด้วยน้ำมันยูคาลิปตัสเล็กน้อย จะช่วยทำสุนัขสดชื่น และกำจัดหมัดที่เจอได้ด้วย ดูแลสุขภาพเท้า ด้วยการตัดเล็บให้สั้นทุกๆ สัปดาห์

ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
     ผู้ที่เหมาะกับสุนัขพันธุ์ มิเนเจอร์ พินช์เชอร์ คือ ทุกคนยกเว้นเด็กๆ ที่อายุยังน้อยและผู้สูงอายุ (สุนัขซนมาก) พวกเขามีแนวโน้มที่จะจงรักภักดีต่อทุกคนในครอบครัวแต่อาจจะเลือกใครสักคนเป็นเพื่อนแท้ขณะที่ก็ยังสนุกสนานกับทุกๆ คนอยู่ได้

 ข้อควรจำ
 มิเนเจอร์ พินเชอร์เป็นสุนัขที่ร่าเริงมาก ตื่นตัว และเข้ากับ ทุกคนในครอบครัว แต่ก็ควรสอนให้เขารู้กฎของบ้านตั้งแต่ยังเล็กด้วยและจงตั้งมั่นในความตั้งใจของคุณ แต่อย่าปล่อยให้เดินโดยปราศจากสายจูง อาจหนีวิ่งไล่ไม่ทัน


มาตรฐานสายพันธุ์
  • ขนาด   ประมาณ 10 - 12.5 นิ้ว
  • ศรีษะ     มีขนาดสัมพันธ์กับขนาดของลำตัว หัวกะโหลกแบน หัวกะโหลกระหว่างหูจะเล็กสู่โคนปาก
  • ฟัน       ขบแบบกรรไกร
  • ปาก      มีลักษณะแข็งแรงมาก มีขนาดสัมพันธ์กับส่วนหัวสันปากจะขนานกับสันของหัวกะโหลก ริมฝีปากและแก้มมีขนาดเล็ก
  • ตา        ค่อนข้างโต เป็นรูปกลมรี ตาสีดำ ขอบตาสีดำ ยกเว้นสีช็อคโกแลต ขอบตาจะมีช็อคโกแลตด้วย
  • หู          โคนอยู่ในระดับสูง หูอาจจะตัดและดามให้ตั้งหรือไม่ตัดหูก็ได้
  • จมูก      สีดำ ยกเว้นสุนัขที่มีสีช็อคโกแลต จมูกจะมีสีช็อคโกแลตด้วย ดั้งจมูก มีมุมหักเล็กน้อย
  • คอ        มีขนาดสัมพันธ์กับขนาดของหัวและลำตัว คอมีลักษณะกลมประกอบด้วยกล้ามเนื้อ หนังคอตึง คอตั้งเชิดสง่า
  • อก        ลึกจรดข้อศอก
  • ลำตัว    ค่อนข้างสั้นเพศผู้ความสูงของลำตัวมีขนาดเท่ากับความยาวของลำตัว ส่วนเพศเมียจะยาวกว่าเล็กน้อยเส้นหลังตรง อาจจะอยู่ในแนวระดับหรือเอียงสู่บั้นท้ายก็ได้
  • เอว       สั้น แข็งแรง
  • ขาหน้า กระดูกขามีขนาดปานกลาง แข็งแรง มองจากด้านหน้าขาหน้าทั้งสองตรงตั้งฉากกับพื้น ขาหน้าทั้งสองห่างกันพอเหมาะข้อเท้าหน้าแข็งแรงตั้งฉากกับพื้น เท้าเล็กคล้ายแมว เท้าหน้ากลม เล็บหนา นิ้วติ่งควรตัดออก
  • ขาหลัง  ท่อนบนประกอบด้วยกล้ามเนื้อ ข้อเท้าแข็งแรงทำมุมพอประมาณข้อเท้าหลังสั้นทำมุมตั้งฉากกับพื้น เมื่อมองจากด้านหลัง ขาหลังตั้งตรง ขนานห่างกันพอเหมาะ เท้าหลังมีลักษณะเหมือนเท้าหน้า
  • หาง       โคนหางอยู่ในระดับสูง นิยมตัดหาง
  • ขน       ขนสั้นแข็ง
  • สีขน     ขนสีแดงดำทั้งตัว ดำ-แดง,ช็อคโกแลต
  •  



 ที่มา http://www.dogilike.com/breeds/28/

ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย (Yorkshire Terrier)

ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย (Yorkshire Terrier)

ซุกซน ชอบอยู่ใกล้คน รักสวยรักงาม 

ลักษณะทั่วไป
     ยอร์คเชียร์เทอร์เรียเป็นสุนัขทอย พันธ์เล็กที่มีรูปร่างสมส่วน มีขนยาวปกคลุมตลอดลำตัว ขนยาว เรียบ ละเอียด เงา สลวยและเงางาม มีขนยาวที่หัว ซึ่งจะรวบหรือรัดด้วยโบว์ก็ได้ มีขนที่จมูกและปากยาว สีขนเป็นสีเงินออกน้ำเงินและสีทอง ลูกสุนัขเกิดใหม่จะมีสีน้ำตาลและสีดำ ลักษณะท่าทางจะบ่งบอกถึงความมั่นใจ กล้าหาญ กระตือรือล้น เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าของ

ความเป็นมา
     ยอร์คเชียร์ เทอร์เรียร์ ได้รับ การพัฒนาราวๆ ช่วงกลางของศตวรรษที่19 โดยการผสมข้ามสายพันธุ์เทอร์เรียร์ ที่แตกต่างกันหลายๆ สายที่มีในช่วงนั้น โดยเกิดขึ้นที่ตอนกลางถึงตอนเหนือของประเทศอังกฤษ โดยเฉพาะในเมือ ยอร์คเชียร์ จนเป็นที่มาของชื่อ ยอร์คเชียร์ ยอร์คเชียร์ในช่วงแรกหนักถึง 6กก. และถูกใช้เช่นเดียวกับสายพันธุ์เทอร์เรียร์ อื่นๆ เพื่อกำจัดหนู เวลาต่อมา ผู้เพาะพันธุ์ที่ผลิตสายพันธุ์ที่เล็กกว่าสวยกว่า เพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงในครอบครัวและเพื่อการประกวดมากกว่าเป็นสุนัขล่าหนู

ลักษณะนิสัย
     เป็นสุนัขที่กล้าหาญไม่ค่อยจะเกรงกลัวอะไร และเป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ดี มีความสามารถที่จะได้ยินในระยะไกลๆได้ แต่ก็ไม่ใช่สุนัขที่เห่าพร่ำเพรื่อไม่มีสาเหตุ นอกจากนี้ยังเป็นสุนัขที่รักเจ้าของและมีความต้องการที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าของ บางตัวชอบที่จะนอนบนเตียงเดียวกันกับเจ้าของ(ถ้าเจ้าของอนุญาต) เป็นสุนัขที่กระฉับกระเฉง โดยเฉพาะในช่วงเด็กๆ เค้าจะค่อนข้างคึกและซนมากๆ มักจะชอบวิ่งไล่จับหนู กบ แมลงหรือสัตว์ต่างๆที่ตัวเล็กพอๆกันหรือเล็กกว่า เป็นสุนัขที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงจนเหมือนกับว่าเป็นสุนัขที่ดื้อ ไม่เชื่อฟังคำสั่ง จะทำอะไรก็ต่อเมื่อตัวเองอยากทำเท่านั้น

การดูแล        
     การอาบน้ำให้ยอร์คเชียร์ อาจทำแค่ 1 ครั้ง/เดือนก็เพียงพอ การอาบน้ำควรทำในสถานที่ที่อากาศอบอุ่นก่อนอื่นต้องใช้สำลีอุดหูทั้งสองข้างเพื่อกันน้ำเข้า หู จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งรองบริเวณอกของเขาเพื่อจับให้ เขายืนขึ้น (หากเป็นไปได้ ควรหาผ้ารองกันลื่นมาวางรองพื้นเพื่อไม่ให้ขาของเขาลื่นไถลไปมาเวลาที่คุณจับเขายืน) เปิดน้ำจากฝักบัวอย่าให้แรงมากนัก ค่อยๆ รดตัวเขาให้เปียกจนทั่ว ชโลมแชมพูให้ทั่วตัวและถูเบาๆล้างทำความสะอาดบริเวณศีรษะ และใบหน้าเป็นอันดับสุดท้าย


     ทั้งนี้ ต้องระวังอย่าให้แชมพูเข้าปากและตา จากนั้นล้างแชมพูออกด้วยน้ำสะอาด แล้วเช็ดด้วยผ้าขนหนูก่อนจะนำไปเป่าขนให้แห้งด้วยไดร์เป่าที่ใช้ความร้อนพ อเหมาะ เสร็จแล้วจึงใช้แปรงหวีขนเบาๆ ซึ่งการแปรงขนให้ยอร์กไชร์ เทอร์เรียร์ เป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันสำหรับสุนัขพันธุ์นี้

     ขนของ ยอร์กไชร์ เทอร์เรียร์ โดยทั่วไปจะยาวถึงพื้นจึงจำเป็นต้องแปรงขนประมาณ 1ชั่วโมงทุกๆ 2 วันเพื่อไม่ให้ขนพันกันยุ่ง ควรผูกรวบขนบนหัวไว้ไม่ให้ตกมาบริเวณตาของสุนัข แต่ถ้าไม่ต้องการยุ่งยากมากนักก็เพียงแต่ตัดขนให้สั้นก็ได้ พวกเขาจะมีความสุขมากถ้าพาเขาไปเดินเล่นหรือปล่อยให้วิ่งเล่นในสวนหลังบ้าน

     ส่วนเรื่องอาหารการกินของ ยอร์คเชียร์ ควรจะเป็นอาหารเม็ดจะดีที่สุด เพราะมีความสะดวกในการเก็บรักษา ในลูกสุนัขควรเลือกอาหารสูตรลูกสุนัข ซึ่งมีปริมาณโปรตีนสูง แต่สำหรับสุนัขโตอาจเลือกอาหารที่มีปริมาณโปรตีนเป็น ส่วนประกอบขั้นต่ำ ประมาณร้อยละ 20 ก็เพียงพอ และอาจผสมอาหารเปียกลงไปในอาหารเม็ดเพื่อเพิ่มความน่ากินเป็นบางครั้งก็ได้

ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
     ยอร์คเชียเทอร์เรียเหมาะสำหรับคนทุกช่วงอายุ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเด็กก็ตาม แต่ถ้ามีเด็กเด็กต้องได้รับคำแนะนำถึงวิธีการปฏิบัติต่อสุนัข และไม่ควรปล่อยให้อยู่กับสุนัขโดยไม่มีผู้ใหญ่ดูแล สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อคุณเลี้ยง ยอร์กไชร์ เทอร์เรียร์ คือคุณมีเวลาเพียงพอที่จะดูแลเขาหรือไม่ เช่นเดียวกับสุนัขส่วนมากคือการทิ้งให้อยู่ลำพังเป็นเวลานานจะไม่ดีกับอารมณ์ของ ยอร์กไชร์ เทอร์เรียร์ เลย และถ้าทุกๆ คนในบ้านจะต้องไม่อยู่บ้านตลอดทั้งวันแล้วล่ะก็ จะดีมากที่สุดถ้าเลี้ยงสุนัขไว้ 2 ตัวเพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนกัน

มาตรฐานสายพันธุ์
  • ขนาด   ไม่เกิน 7 ปอนด์
  • ศรีษะ     มีขนาดเล็ก ส่วนบนของหัวค่อนข้างแบน
  • ฟัน       มีขนาดใหญ่ ขนแบบเสมอหรือขบแบบกรรไกร
  • ปาก      มีขนาดไม่ยาวมาก
  • ตา        มีขนาดปานกลาง ตามีสีเข้ม ตาแวววาวเป็นประกาย
  • หู          มีขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นรูปตัว V หูตั้ง
  • จมูก      สีดำ
  • คอ        มีความยาวเหมาะกับลำตัว
  • อก        อึกลึก แต่ไม่กว้างขยาย
  • ลำตัว    มีลักษณะสั้น เส้นตรงอยู่ในแนวระดับ
  • เอว       -
  • ขาหน้า ตรง ข้อศอกไม่บิดเข้าหรือออก เท้ากลม เล็บสีดำ นิ้วติ่งต้องตัดออก
  • ขาหลัง  เมื่อมองจากด้านหลังขาหลังตั้งตรง ข้อเท้าทำมุมพอประมาณ เท้ากลม เล็บสีดำ นิ้วติ่งต้องตัดออก
  • หาง       ตัดให้สั้นพอประมาณ หางตั้งอยู่เหนือระดับหลัง
  • ขน       คุณภาพของขนถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ขนมีลักษณะเหยียดตรงเป็นประกายคล้ายแพรวไหมขนบริเวณลำตัวให้เสมอพื้น ขนบริเวณหัวยาวอาจจะผูกด้วยโบว์เดี่ยวหรือโบว์คู่ก็ได้ขนที่ผ่า เท้าตัดให้สั้น บริเวณลำตัวสีเทาเข้มเงา บริเวณหัว อก และขา สีน้ำตาลเงา
  • สีขน     ตามลำตัวจะเป็นสีเทาเงินเข้มจนถึงโคนหาง แซมด้วยสีน้ำตาลอ่อนๆ บริเวณใต้อก กับสีข้างขนบริเวณศีรษะ และเท้าจะเป็นสีน้ำตาลแดง   
  •                                                                                     ที่มา  http://www.dogilike.com/breeds/29/


เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German Shepherd)

เยอรมันเชฟเฟิร์ด (German Shepherd)จงรักภักดี แข็งแกร่ง ไม่ก้าวร้าว

 
ลักษณะทั่วไป
     สิ่งที่ประทับใจของผู้ที่ได้พบเห็นเยอรมันเช็พเพอดที่ดีคือ ความแข็งแรงว่องไว เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อตื่นตัวและมีชีวิตชีวา มองโดยรวมแล้วจะกลมกลืนและได้สัดส่วนกันระหว่างส่วนหน้าและส่วนท้าย ตัวจะยาวกว่าส่วนสูง ลำตัวลึก เส้นรอบตัวจะเป็นเส้นโค้งที่กลมกลืนแทนที่จะเป็นเหลี่ยมมุม มีขนาดค่อนข้างใหญ่และอ่อนแอ ให้ความรู้สึกไม่ว่าจะอยู่นิ่งหรือเคลื่อนไหวถึงความกระชับของกล้ามเนื้อและการเคลื่อนที่อย่างนุ่มนวล

ความเป็นมา
     มีถิ่นกำเนิดในประเทศเยอรมนี มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "อัลเซเชี่ยน" ผู้คนนับพันนับหมื่นทีต้องอยู่ในโลกมืด ได้อาศัยเจ้าเยอรมันเช็พเพอดนี่แหละที่คอยเป็นพี่เลี้ยงนำทางไหนต่อไหนได้ พิทักษ์สันติราษฎร์ในเยอรมันนี แคนาดา ตามตรอกซอกซอยของบัลติมอร์ หรือในสวนสาธารณะของไฮด์ปาร์คที่มืดสลัว ไปด้วยม่านหมอกในใจกลางกรุงลอนดอน
     ย่อมรู้ดีว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานรักษากฎหมาย ที่ไม่ย่นระย่ออย่างใดทั้งสิ้น เขาทำหน้าที่เฝ้าเหมืองเพชรในคิมเบอร์ลี่ย์ก็ได้ เฝ้าโรงเรียนในนิวยอร์คก็ได้ หรือให้เฝ้าฐานทัพอากาศที่ทริโปลีก็ได้ ไม่มีใครสามารถคำนวณได้ว่าสุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอด ได้ช่วยชีวิตคนไว้เท่าไรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่สอง โดยที่การดมกลิ่นหาทหารบาดเจ็บบ้าง ถือสารและลำเลียงเวชภัณฑ์บ้าง คอยเตือนหน่วยลาดตระเวนในป่าต่อการถูกซุ่มโจมตีบ้าง ตลอดจนการตรวจรักษาแนวชายฝั่งทะเลเพื่อกันการก่อวินาศกรรม และค้นหาชาวบ้านที่ถูกซากปรักหักพังทับถมอยู่เนื่องจากการถูกระเบิดทางอากาศ ในยามไม่มีศึกสงคราม มันก็ทำงานเป็นการกุศล



     เนื่องจากจมูกที่ไวสามารถนำคนค้นหาพวกที่ถูกหิมะถล่ม ฝังเอาไว้ในเทือกเขาแอลป์ของสวิส ในปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้มีรูปร่างที่สวยงาม เฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง เป็นผลมาจากการผสมของสุนัขต้อนแกะหลายชนิดมานับศตวรรษ ซึ่งรวมเอาสุนัขที่มีขนาดย่อมแต่ว่องไวของท้องทุ่งเยอรมันภาคเหนือ กับสุนัขที่โตล่ำสันกว่าของภูมิภาคที่เป็นขุนเขาทางใต้เอาไว้ด้วย แม้จะสิ้นศตวรรษที่ 19 ยุคเลี้ยงแกะของเยอรมันได้สิ้นสุดลง แต่อย่างไรก็ตามนักเพาะพันธุ์สุนัขไม่กี่คนก็ยังพยายามสงวนพันธุ์อันมีคุณสมบัติอันวิเศษในการเลี้ยงแกะเอาไว้
     ซึ่งนับว่าควรแก่การยกย่องมากที่สุดได้แก่ ร้อยเอกทหารม้าผู้หนึ่งชื่อ มาร์กฟอนสเตฟานิตช์ ซึ่งได้ลงเรี่ยวลงแรงแข็งขัน เพื่อที่จะทำให้สุนัขพันธุ์นี้เข้ามาตรฐาน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1889 และได้เจริญเติบโตเรื่อยมาจนมาเป็นสโมสรสุนัขที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง โดยการเพาะพันธุ์สุนัขอย่างเดียว จากความพยายามของร้อยเอกฟอนสเตฟานนิตช์กับพรรคพวก ที่ได้พยายามเสาะหาสุนัขที่ใช้งานได้ดีและฉลาด และแล้วผลที่ได้ก็น่าภาคภูมิใจ ที่เมื่อมองสุนัขพันธุ์นี้ขณะที่มันปฏิบัติตามคำสั่งของนายโดยไม่ผิดพลาด

ลักษณะนิสัย
     เยอรมันเช็พเพอดมีบุคลิกที่เด่นชัดคือ มีการแสดงออกถึงความไม่หวาดหวั่นแต่ก็ไม่ก้าวร้าว มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความกระตือรือร้นและตื่นตัวกระฉับกระเฉง เต็มใจจะรับใช้เต็มที่ในลักษณะของการเป็นเพื่อน เป็นสุนัขเฝ้าบ้านนำทางผู้ที่อยู่ในโลกมืด เป็นสุนัขต้อนฝูงสัตว์ หรือทำหน้าที่อารักขา สุนัขจะไม่ขี้ขลาดหรือหลบอยู่หลังผู้เป็นเจ้านาย ไม่ควรจะอ่อนไหว ไม่มองไปรอบๆ หรือแหงนหน้ามอง ไม่แสดงอาการตื่นตระหนก โดยจะหางตกเมื่อได้ยินเสียงหรือมองเห็นสิ่งแปลกๆ หากสันขมีอุปนิสัยดังกล่าวข้างต้นจะถูกตัดสินว่ามีความบกพร่องอย่างร้ายแรง สุนัขจะต้องยอมให้กรรมการตรวจฟันและลูกอัณฑะ ถ้าหากสุนัขกัดกรรมการจะต้องถูกไล่ออกจากสนามประกวด สุนัขที่อยู่ในอุดมคติควรที่จะสามารถใช้งานในลักษณะที่ไม่หยิบโหย่ง ผสมผสานกับลำตัวและการก้าวย่างที่เหมาะกับงานการที่ทำ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน

การดูแล
     เยอรมัน เชพเพิร์ด ต้องการการดูแลเอาใส่ใจ เขาเป็นสุนัขที่ร่าเริง และต้องการสิ่งเร้าทางใจอยู่บ้าง ดังนั้นการพาเดินควบคู่กับการฝึกวินัยเป็นประจำ จะเพิ่มคุณภาพชีวิตของสุนัขได้ดี นอกจากนี้ควรพาเขาไปออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน เพื่อเผาผลาญพลังงาน จะได้ไม่อ้วน และมีความมั่นคงทางอารมณ์ ไม่ดุ หรือ ก้าวร้าว การทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอ แต่ควรแปรงขนเป็นประจำอย่างน้อย 2 วันต่อครั้ง

ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
     ผู้เหมาะสมที่จะเลี้ยง เยอรมัน เชพเพิร์ด คือคนที่สามารถสั่งและควบคุมสุนัขของเขาได้ และในทางกลับกันก็ต้องให้ความเคารพในตัวสุนัขด้วย คนเหล่านี้ควรจะร่าเริง และมีความสุขกับสุนัขของเขาโดยปราศจากอาการหัวเสียหรือคาดหวังให้เป็นสุนัขขี้อ้อน


ข้อควรจำ
     การเลือกซื้อ เยอรมัน เชพเพิร์ด ให้ดี ควรแน่ใจว่า ทั้งประวัติพ่อพันธุ์และประวัติแม่พันธุ์ของลูกสุนัขตัวนั้นผ่านการตรวจโรคข้อสะโพกอักเสบแล้ว สภา เยอรมัน เชพเพิร์ด ของออสเตรเลีย ยังมีหลักสูตรการปรับปรุงพันธุ์ที่จะช่วยกรองสุนัขเพศผู้ ที่เป็นโรคโลหิตจางและโรคข้อศอกอักเสบอีกด้วย

มาตรฐานสายพันธุ์
  • ขนาด   สุนัขพันธุ์เยอรมันเช็พเพอดที่นิยมกัน จะอยู่ในสัดส่วนของความยาวต่อความสูงอยู่ระหว่าง 10 ต่อ 8.5 ความสูงของสุนัขเพศผู้วัดจากจุดสูงสุดของไหล่อยู่ระหว่าง 24-25 นิ้ว ส่วนเพศเมีย 22-24 นิ้ว ความยาววัดจากกระดูกอกไปยังตอนท้ายของกระดูกสะโพก
  • ศรีษะ     แข็งแรงได้สัดส่วนกับลำตัว ศีรษะของเพศผู้แลดูล่ำสัน ส่วนเพศเมียก็อ่อนช้อย ปากยาวและแข็งแรง มองจากด้านหน้าหน้าผากจะโค้งเล็กน้อย กะโหลกศีรษะลาดเทยาวเป็นรูปลิ่ม ดั้งจมูกจะไม่หักมาก กรามแข็งแรง
  • ฟัน       42 ซี่ ข้างบน 20 ซี่ ข้างล่าง 22 ซี่ แข็งแรงและสบกันแบบกรรไกร ฟันข้างบนยื่นไปข้างหน้าหรือการสบแบบเสมอเป็นลักษณะที่ไม่พึงประสงค์ ฟันล่างที่ยื่นไปข้างหน้าเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรง ถ้าหากฟันซี่อื่นที่นอกเหนือไปจากฟันกรามเล็กก็ถือเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงเช่นกัน
  • ปาก      กระบอกปากยาว ริมฝีสีดำกระชับ
  • ตา        ขนาดปานกลาง รูปร่างเหมือนเมล็ดอัลมอนด์ ตั้งแบบเฉียงเล็กน้อยแต่ไม่โปนออกมา ตาควรจะดำมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ มีแววตาที่ฉลาดและเฉียบแหลม
  • หู          แหลมพอประมาณได้สัดส่วนกับกะโหลกศีรษะและเปิดไปข้างหน้า และจะตั้งชันเมื่อตั้งอกตั้งใจ หูที่อยู่ในอุดมคติเส้นกลางของใบหูเมื่อมองจากด้านหน้า จะขนานกันและจะตั้งฉากกับพื้น หูที่ถูกตัดหรือห้อยจะต้องถูกคัดออกจากสนามประกวด
  • จมูก      จมูกดำเป็นมัน
  • คอ        แข็งแรงและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ค่อนข้างยาวได้สัดส่วนกับศีรษะ หนังไม่หย่อนยาน เมื่อสุนัขตั้งใจหรือตื่นเต้นศีรษะจะชูสูง คอจะยืดออก โดยทั่วไปศีรษะจะยื่นไปข้างหน้ามากกว่าชูสูง แต่จะสูงกว่าไหล่เล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเคลื่อนไหว
  • อก        ลึก กว้าง แข็งแรง เมื่อเคลื่อนตัวจะยิ่งดูแข็งแกร่ง แต่ไม่เทอะทะใหญ่จนเกินไป
  • ลำตัว    โครงสร้างโดยรวมทำให้เกิดความรู้สึกถึงความลึกและแน่น แต่ไม่เทอะทะ อกควรจะเต็มและลงลึกอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้าง อกกว้างมีเนื้อที่มากพอสำหรับหัวใจและปอดซี่โครงยาวและโค้งไม่เป็นรูปถังเบียร์หรือแบนมากเกินไป และไปจรดส่วนอกลงไปถึงข้อศอก หากซี่โครงอยู่ในลักษณะที่ถูกต้องจะทำให้ศอกหดกลับอย่างอิสระ ในขณะที่สุนัขกำลังวิ่งเหยาะๆ หากกระดูกซี่โครงโค้งออกมามากเกินไปจะทำให้ข้อศอกกางออก
  • เอว       -
  • ขาหน้า จากไหล่ลงมาท่อนขาตรง กระดูแข็งแรง เป็นลักษณะวงรี ไม่ใช่วงกลม กระดูขาจะแบนเล็กน้อย
  • ขาหลัง  ขาท่อนบนช่วงสะโพกหน้ากว้าง ลาดโค้งลงต่ำ เอนไปทางด้านหลัง ท่อนขาล่างกับบนทำมุม 120 องศา ขาท่อนล่างตรง มองจากด้านหลังจะเห็นขาท่อนล่างขนานกัน
  • หาง       เป็นพวงข้อกระดูกสันหลัวข้อสุดท้ายอย่างน้อยจะยื่นไปต่อกระดูกขาหลัง หางตั้งอยู่ตรงตะโพกและห้อยลงขณะที่อยู่ในท่าพัก หางจะโค้งเล็กน้อย เมื่อสุนัขตื่นเต้นหรือกำลังเคลื่อนไหวหางจะโค้งและยกขึ้น แต่ไม่ควรโค้งไปข้างหน้าและเลยเส้นตั้งฉาก หางที่สั้นเกินเป็นข้อบกพร่องอย่างมาก หากหางถูกตัดจะถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ประกวด
  • ขน       ควรมีขนสองชั้นและยาวปานกลาง ขนชั้นนอกควรจะแน่นมากที่สุดเท่าที่จะแน่นได้ ขนเหยียดตรง หยาบแนบไปกับลำตัว ขนชั้นนอกเป็นลอนเล็กน้อย ศีรษะรวมทั้งข้างในหู หน้าผาก ขาและเท้าจะปกคลุมด้วยขนสั้น ส่วนคอจะปกคลุมด้วยขนที่หนาและยาวกว่า ด้านหน้าของขาหน้าและขาหลังจะมีขนยาว และยื่นไปปกคลุมข้อเท้าและข้อขาหลังตามลำดับ ขนที่นิ่มและคล้ายไหม, ขนชั้นนอกยาวเกินไป, ขนเหมือนขนสัตว์และหยิกเป็นลอนเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์
  • สีขน     ไม่มีสีที่แน่นอน แต่จะนิยมสีเข้มมากกว่า หากจมูกสีอ่อน สีฟ้าหรือเป็นสีตับเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรง หากขนสีขาวหรือมีจมูกไม่ดำจะถูกห้ามไม่ให้ลงประกวด
ที่มา http://www.dogilike.com/breeds/30/


ร็อตไวเลอร์ (Rottweiler)

ร็อตไวเลอร์ (Rottweiler)

ฉลาด ดุดัน น่าเกรงขาม รักษาความปลอดภัยได้ดี



ลักษณะทั่วไป
     ร็อตไวเลอร์ที่อยู่ในอุดมคติควรมีขนาดปานกลาง ล่ำและมีพลัง ความกระทัดรัดและโครงสร้างที่บึกบึนเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความแข็งแรง สุนัขเพศผู้จะมีโครงสร้างที่ใหญ่กว่าสุนัขเพศเมีย โดยที่เพศเมียแม้จะมีขนาดเล็กกว่า สุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์เป็นสุนัขอารักขาที่น่าเกรงขาม เมื่อถูกฝึกให้ต่อสู้และโจมตี ก็จะทำอันตรายให้แก่ผู้บุกรุก แม้จะฝึกได้ไม่ยาก จึงต้องมีเจ้านายที่มีความเป็นจ่าฝูง มีความสุขุม มั่นคงทางอารมณ์ โดยธรรมชาติมันจะไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้ากับภยันตรายที่จะเกิดขึ้น จะแสดงออกถึงความโดดเดี่ยวโดยธรรมชาติ

ความเป็นมา
     ร็อตไวเลอร์เป็นหนึ่งในสายพันธุ์พันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุด เนื่องจากที่มีมาตั้งแต่ยุคโรมัน สุนัขเหล่านี้ถูกใช้เป็นสุนัขเฝ้าหรือไล่ต้อนฝูงสัตว์ร็อตไวเลอร์ ต้องเดินข้ามเทือกเขาแอลป์พร้อมกับกองทหารโรมันขนาดใหญ่ เพื่อคอยปกป้องคนและไล่ต้อนฝูงปศุสัตว์ ต้นของศตวรรษที่ 20 ได้มีการนำสุนัขสายพันธุ์ต่างๆ มาทดสอบเพื่อใช้ในงานของตำรวจและร็อตไวเลอร์ ก็เป็นที่ยอมรับว่าเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับภาระกิจนี้และเพราะฉะนั้นสายพันธุ์นี้จึงได้รับการรับรองให้ใช้เป็นสุนัขตำรวจใน 1910อย่างเป็นทางการ

ลักษณะนิสัย
     ร็อตไวเลอร์เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเพื่อดูแลความปลอดภัย และเป็นสุนัขใช้งานที่มีความมั่นใจ หนักแน่น และปราศจากความกลัวแต่ ต้องสอนให้ ร็อตไวเลอร์รู้สถานะของตัวเขาในครอบครัวปกติจะอดกลั้นกับเด็ก ได้ดีแต่พ่อแม่จำเป็นต้องแน่ใจว่าสอนให้ลูกๆ ปฏิบัติกับสุนัขอย่างเหมาะสมเช่นกัน และอยู่ด้วยทุกครั้งที่มีการฝึกสอนสุนัข


การดูแล  
     เช่นเดียวกับสุนัขใช้งานพันธุ์อื่นๆ รอตต์ไวเลอร์ ต้องได้รับการแนะนำและฝึกฝนอย่างเคร่งครัดสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกเขาให้เข้าสังคมด้วย โดยให้ปฎิบัติเป็นประจำตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขในบรรยากาศที่ไม่เคร่งเครียด นี่เป็นสิ่งจำเป็นถ้าคุณต้องการให้เขาโตขึ้นเป็นสุนัขที่รู้จักปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆ แม้จะจำเป็นต้องฝึกตั้งแต่เมื่ออายุยังน้อยและคอยย้ำอย่างสม่าเสมอ คุณก็ไม่ควรทำให้บรรยากาศการฝึก เครียดเกินไป รอตต์ไวเลอร์ เป็นสุนัขที่โตเร็วดังนั้นมีแนวโน้มที่จะ มีปัญหาเรื่อง โรคข้อสะโพกอักเสบและการอักเสบ ของกระดูก

ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
     ผู้เลี้ยงที่เหมาะสมกับรอตต์ไวเลอร์ต้องเป็นคนที่กระฉับกระเฉงสักหน่อย เข้าใจพฤติกรรมสุนัขหรือไม่ก็พร้อมที่จะเรียนรู้ ควรเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ และเข้าใจความสำคัญของการพาสุนัขเข้าสังคมและฝึกฝนตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขเล็กเลยที่เดียว ไม่ควรขังเขาไว้ในกรงหรือที่แคบเป็นเวลานานจะทำให้เขารู้สึกเครียด ควรพาไปออกกำลังกายเป็นกระจำทุกวัน เพื่อเผาผลาญพลังงาน นอกจากจะไม่อ้วนเล้วยังเป็นน้องหมาที่มีพลังงานมั่นคง อารมณ์ดี และเป็นมิตรมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการฝึก หรือ ทำโทษเขาโดยใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาด เพราะ จะทำให้เขาเครียด หลาดกลัว ปกป้องตัวเอง ไม่เชื่อฟังเจ้าของ และจู่โจมด้วยการใช้ความรุนแรงตอบโต้ในที่สุด อันที่จริงสุนัขพันธุ์นี้สามารถเป็นมิตรและอยู่ร่วมกับเด็กและครอบครัวได้ ไม่มีปัญหา เพียงแต่จะต้องระวัง และปฏิบัติตามในสิ่งที่กล่าวมา

มาตรฐานสายพันธุ์
  • ขนาด    ส่วนสูงสุนัขตัวผู้ 24-27 นิ้ว ส่วนตัวเมีย 22-25 นิ้ว ร่างกายดูกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บึกบึนมั่นคง ร่างกายดูแข็งแรงมีสมดุล ดูน่าเกรงขาม
  • ศรีษะ     ความยาวปานกลาง มองด้านข้าง หน้าผากจะโค้งเล็กน้อย ขากรรไกรบนและล่างแข็งแรง หูขนาดปานกลาง ห้อยลง ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ในขณะที่ตื่นตัวหูจะอยู่ในระดับเดียวกับส่วนบนของกะโหลก จมูกกว้างและมีสีดำ ลำตัวกว้างและลึกลงไปจนถึงข้อศอก หลังเหยียดตรงและแข็งแรง ชายกระเบนเหน็บสั้น ลึกและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ หางตัดสั้นเกือบชิดลำตัว
  • ฟัน       มีลักษณะฟันแบบขบกรรไกร
  • ปาก      ริมฝีผากดำ ย้อยห้อยกำลังดี ริมฝีปากชุ่มชื่น ไม่แห้ง
  • ตา        ตาลึก เป็นรูปทรงอัลมอนด์ ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม
  • หู          หูเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ฐานหูตั้ง แต่จะพับลงตั้งแต่กลางหู
  • จมูก      จมูกใหญ่สีดำ
  • คอ        คอหน้ารับกับช่วงไหล่และอกเป็นอย่างดี มั่นคง แข็งแรง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
  • อก        อกกว้าง บึกบึน เด็กไปด้วยกล้ามเนื้อ ดูน่าเกรงขาม
  • ลำตัว    ระยะจากจุดสูงสุดถึงข้อศอกมีระยะเท่ากับข้อศอกถึงพื้นดิน ขาได้พัฒนาอย่างแข็งแรง ประกอบด้วยกระดูกที่ใหญ่และเหยียดตรง ฝ่าเท้าแข็งแรง มีสปริงและเกือบจะตั้งฉากกับพื้นดิน กลมและกระทัดรัด โค้งกำลังดี ไม่บิดเข้าหรือบิดออก อุ้งเท้าหนาและแข็ง เล็บเท้าสั้น แข็งแรง และมีสีดำ นิ้วติ่งควรจะตัดทิ้ง
  • เอว       -
  • ขาหน้า  ขาหน้าตรง ขนาดกันทั้ง 2 ข้าง กระดูกขาใหญ่ และแข็งแรง มั่นคง
  • ขาหลัง  ต้นขาหลังหน้าใหญ่ กล้าง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกระชับแข็งแรง เอนลาดไปทางด้านหลัง ขาท่อนล่างทำมุมรับกับขาท่อนบนกำลังดู มองจากด้านหลังขาท่อนล่างขนานกัน
  • หาง       ตัดสั้น
  • ขน        ขนชั้นนอกเหยียดตรง แน่นและหยาบ ยาวปานกลางและเรียบ ขนชั้นในจะอยู่บริเวณคอและตะโพก ส่วนขนจะหนาหรือบางขึ้นอยู่กับสภาพของอากาศ
  • สีขน      ต้องมีสีดำโดยเสมอ โดยอาจจะมีมาร์คกิ้งสีสนิมหรือสีมาฮ็อกกานี มาร์คกิ้งที่ว่าอาจจะอยู่เหนือตาแต่ละข้างบริเวณแก้ม เป็นแถบอยู่ด้านข้างของปากเป็นต้น
ที่มา http://www.dogilike.com/breeds/31/
  •  


ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)

ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)ตัวใหญ่ ใจดี อ่อนโยน ฉลาด



ลักษณะทั่วไป
     เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่จัดอยู่ในกลุ่ม sporting group เนื่องจากต้นกำเนิดเป็นสุนัขที่ใช้ในการล่าและจับสัตว์ พื้นฐานโครงสร้างจึงเป็นสุนัขที่มีความแข็งแรง ทรงตัวได้ดี สามรถทนต่อสภาวะที่ปรวนแปรได้ดี ดูใจดีมีความฉลาด และสง่างาม

ความเป็นมา
     สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์นี้มีต้นกำเนิดในรัฐนิวฟาวด์แลนด์ประเทศแคนาดา โดยใช้ช่วยงานชาวประมงในการลากอวนเข้าฝั่ง ปีที่กำเนิดประมาณ ค.ศ. 1800 และต่อมาในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 สุนัขต้นสายพันธุ์ลาบราดอร์ได้ถูกนำจากนิวฟาวด์แลนด์มาที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสุนัขที่มีสีดำ ขนสั้นทั้งสิ้น แต่ด้วยความที่มีการเก็บค่าภาษีสุนัขที่แพงมาก ประกอบกับกฏระเบียบที่เข้มงวดของอังกฤษทำให้การนำเข้าสุนัขพันธุ์นี้ไปยังอังกฤษต้องหยุดชะงักลง เมื่อความต้องการลดน้อยลงคนจึงเลิกเพาะ จนมีการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาใหม่โดยผสมข้ามสายพันธุ์กับสุนัขในกลุ่มรีทรีฟเวอร์ในปี ค.ศ. 1903 จะเห็นได้ว่าเดิมสุนัขพันธุ์นี้มีแต่สีดำ แต่หลังจากมีการพัฒนาสายพันธุ์ในภายหลังทำให้เกิดสีเหลืองตามมา ซึ่งก็เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปและถูกต้องตามมาตรฐานสายพันธุ์ หรือแม้จะเป็นสีช็อคก็ได้รับความนิยม  ปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้นอกจากจะใช้งานในการล่าสัตว์แล้ว ยังใช้ในการตรวจค้นหายาเสพติด ระเบิด และช่วยนำทางให้กับผู้พิการทางสายตาอีกด้วย
 
ลักษณะนิสัย
     สุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ฉลาดหลักแหลม กระตือรือร้น รักสนุก ช่างเอาอกเอาใจเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กประกอบกับการที่เป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดีเนื่องจากมีเสียงเห่าทุ้มและ หนักแน่น เป็นที่น่าเกรงขามเพื่อเตือนเมื่อมีผู้บุกรุก สามารถฝึกความสามารถพิเศษอื่นๆ ได้มากมาย เช่น ใช้เป็นสุนัขค้นหาผู้ประสบภัย ค้นหายาเสพติด ฯลฯ ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้ง่าย


การดูแล
     สำหรับสุนัขพันธุ์นี้ ต้องมีคอกที่ใหญ่และมีรั้วสูงล้อมรอบ มีพื้นที่ให้น้องหมาวิ่งเล่นก็จะดี ควรให้เขาออกกำลังกายวันละ 30 นาที จะทำให้พวกเขาแข็งแรง มีความมั่นคงทางอารมณ์ เนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้จะอ้วนง่ายเวลาที่มีอายุมากขึ้นซึ่งสามารถก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้นจึงควรดูแลอาหารการกินที่มีปริมาณและคุณค่าทางอาหารเหมาะสมตามวัยของสุนัข ทำความสะอาดเดือนละ 2 ครั้ง
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
    เจ้าของสุนัขพันธุ์ควรมีสนามหลังบ้านซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดอีกด้วย มีเวลาพาพวกเขาไปทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวและพาไปออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ใส่ใจเรื่องสุขภาพของพวกเขาเป็นพิเศษ

 ข้อควรจำ
     ผู้เพาะพันธุ์ซึ่งเอาใส่ใจ จะพาสุนัขไปตรวจสุขภาพประจำปี และเอกซ์เรย์เพื่อตรวจสอบว่ามีปัญหาเรื่องโรค กระดูกข้อสะโพกหลุดหรือกระดูกอ่อนหรือไม่ นอกจากนี้เรื่องการควบคุอาหารก็จำเป็น ลาบราดอร์เป็นสุนัขที่อ้วนง่าย ควรดูแลเรื่องปริมาณในการให้อาหารอย่างพอเหมาะ และ เหมาะสม




มาตรฐานสายพันธุ์
  • ขนาด   ตัวผู้สูง 22.5-24.5 นิ้ว หนัก 60-75 ปอนด์ ตัวเมียสูง 21.5-23.5 นิ้ว น้ำหนัก 55-70 ปอนด์ (ส่วนสูงถึงหัวไหล่ และน้ำหนักโดยประมาณ 25-34 กิโลกรัม)
  • ศรีษะ     กะโหลกใหญ่กว้าง สันจมูกมี STOP ขอบบนของเบ้าตาเป็นสันนูนขึ้นเล็กน้อย
  • ฟัน       ฟันต้องสบกันพอดี โดยฟันล่างสัมผัสด้านในของฟันบน
  • ปาก      ขอบปากสีดำ กระชัย ริมฝีปากด้านล่างย้อยลงเล็กน้อย
  • ตา        ตามีแววที่เป็นมิตร มีขนาดปานกลางไม่โปนหรือบุ๋มลึกเข้าไป มีสีน้ำตาลเข้มหรือดำ
  • หู          หูจะปรกด้านข้างของหัว มีขนาดพอดี ถ้าดึงปลายหูมาด้านหน้าจะยาวระดับตา
  • จมูก      จมูกใหญ่และกว้าง มีสีดำสนิทหรือสีน้ำตาล (ขึ้อยู่กับสีขน)
  • คอ        คอหนา แข็งแรง เรียบเนียบ ลาดลงรับกับห่วงไหล่ได้ดี
  • อก        อกหนา ลึก แข็งแรง ซี่โครงอกขยายกว้างมั่นคง
  • ลำตัว    คอยาวเล็กน้อย มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงเป็นลักษณะของสุนัขที่ใช้ในเกมกีฬา เส้นหลังตรง ลำตัวสั้น ช่วงอกกว้างหนา กระดูกซี่โครงค่อนข้างกลม
  • เอว       -
  • ขาหน้า ขาหน้าเหยียดตรงแข็งแรง อุ้งเท้าหนา นิ้วเท้าโค้งมาก ขาหลังแข็งแรงได้สัดส่วน
  • ขาหลัง  ขาหลังแข็งแรงได้สัดส่วน
  • หาง       ส่วนโคนหางมีขนาดใหญ่ กลม หนา เรียวไปยังส่วนปลาย ไม่มีพู่หาง หางคล้ายหางของนาก
  • ขน       ขนสั้น เหยียดตรงและหนา มีขนสองชั้น ขนเรียบ มีสามสี สีดำสนิท สีน้ำตาลเข้ม หรือสีเหลืองหรือครีมจาง
  • สีขน     ขนมีสีครีม สีน้ำตาลเหลือง และ สีดำ  

ที่มา http://www.dogilike.com/breeds/32/